จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2562

ลองกันยัง?! เลี้ยงมดแดง แบบคอนโด 10-15 วันสร้างรายได้ หลายหมื่นบาท

ลองกันยัง?! เลี้ยงมดแดง แบบคอนโด 10-15 วันสร้างรายได้ หลายหมื่นบาท



ลองกันยัง?! เลี้ยงมดแดง แบบคอนโด 10-15 วันสร้างรายได้ หลายหมื่นบาท
วิดีโอแสดงการเลี้ยงมดแดงในขวดพลาสติก หรือคอนโดมดแดงนั้นเอง..
 

ถ้าพูดถึงไข่มดแดงล่ะก้อ ถือเป็นสุดยอดของอาหารพื้นบ้านเลยทีเดียว ด้วยรสชาติที่เฉพาะตัว นำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ให้รสชาติที่หวานมัน ทำให้ไข่มดแดงมีราคาสูงถึง 300-500 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว การที่จะได้ไข่มดแดงมากินนั้นต้องไปเสาะหาแหย่ตามรังตามต้นไม้สูงทำให้เป็นอาหารที่หายาก แต่ปัจจุบันนี้ไม่ต้องไปลำบากลำบนแล้วครับ มีนวัตกรรมใหม่ นั้นก็คือการทำบ้านให้มดแดงด้วยขวดพลาสติก ทำให้ง่ายต่อการเก็บไข่มดแดง นั้นก็คือการเลี้ยงไข่มดแดงแบบคอนโด...

 
 

การทำคอนโดไข่มดแดงนั้นง่ายนิดเดียว แค่นำขวดน้ำอัดลมมาตัดคอขวดแล้วกลับด้าน นำไปประกบกับส่วนก้นขวด แล้วหาอะไรยึดให้สองส่วนนี้ติดกัน โดยในขวดนี้ต้องใส่อาหารของมดแดง เช่น แมลง หรืออาจจะใส่ พวกปลา หรือเนื้อก็ได้ เพื่อล่อให้มดแดงเข้ามาอยู่ จากนั้นนำขวดอีกใบ ใส่น้ำผสมน้ำหวานหรือน้ำตาล ปาดขวดเป็นช่องให้มดแดงเข้าไปกินน้ำได้ จากนั้นนำขวดทั้งสองไปแขวนไว้ใต้ต้นไม้ที่มีมดแดงอาศัยอยู่ ให้สูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร เมื่อมดแดงได้กลิ่นอาหารและกลิ่นน้ำหวานก็จะพากันอพยพมาอยู่ในขวด ทำให้ง่ายต่อการเก็บไข่มดแดง โดยคอนดดไข่มดแดงแต่ละขวดสามารถให้ผลผลิตไข่มดแดงได้ 2-3 ขีดเลยทีเดียว....
 
 เมื่อมดแดงได้กลิ่นอาหารและน้ำหวานที่เราแขวนไว้ก็จะพากันอพยพเข้าไปอยู่ในขวด....


คอนโดมดแดงที่เราแขวนไว้สามารถให้ผลผลิตไข่มดแดงสูงถึง 3-4 ขีดเลยทีเดียว...


ไข่มดแดงขาวๆอวบๆเม็ดเป้งๆ เหมาะสำหรับนำไปประกอบอาหาร


ก้อยไข่มดแดงเมนูยอดฮิตแสนอร่อย


แกงผักหวานใส่ไข่มดแดงรสกลมกล่อมน่าทานที่สุด...


ทอดไข่ใส่ไข่มดแดง อีกเมนูที่แนะนำ หอมหวานมัน อร่อย...


Cr: http://farmfriend.blogspot.com/
 

รองสารวัตร จ.ตรัง ปลูกเสาวรสขาย สร้างรายได้เหยียบแสนต่อเดือน





รองสารวัตร จ.ตรัง ปลูกเสาวรสขาย สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 67,000 บาทต่อเดือน เล็งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชิมและเก็บเสาวรสสดจากสวน

    ที่ไร่ลุงแกรก ซึ่งเป็นสวนเสาวรสของ ร.ต.อ จำรูญ ทองขำดี รองสารวัตรสืบสวนตำรวจภูธร จ.ตรัง กำลังเริ่มเก็บเกี่ยวเสาวรสทั้งพันธุ์สีม่วงและสีเหลือง ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าตั้งแต่ราคากิโลกรัมละ 40-50 บาท หรือวันละไม่ต่ำกว่า 40-60 กิโลกรัม สร้างรายได้กว่า 2,200 บาทต่อวัน ซึ่ง ร.ต.อ.จำรูญหรือลุงแกรก ใช้พื้นที่หมู่ที่ 3 ต.นาพละ อ.เมืองตรังจำนวน 2 ไร่ครึ่ง ปลูกเสาวรสรวม 220 ต้น
โดยลงเสาวรสรุ่นแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วจำนวน 110 ต้นและรุ่นที่ 2 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์อีกจำนวน 110 ต้นเท่ากัน ซึ่งรุ่นแรกให้ผลผลิตเมื่อครบ 7-8 เดือนวันละประมาณ 40 กิโลกรัม ส่วนรุ่นที่ 2 ก็เริ่มเก็บเกี่ยวได้วันละ 10 กิโลกรัม และสามารถเก็บขายได้ทุกวัน ทำให้มีรายได้ไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละ 15,000 บาทหรือกว่า 67,000 บาทต่อเดือน

ซึ่งแรงจูงใจที่ทำให้ลุงหันมาปลูกเสาวรสก็เพราะต้องการให้ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานผลไม้ที่ปลอดภัยจากสารเคมี และมีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังได้ออกกำลังกายและเดินตามศาสตร์ของพระราชา ด้วยการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้กาวดักแมลงตามธรรมชาติและทำปุ๋ยหมักจากเศษผักและเปลือกเสาวรสใช้เอง ทั้งนี้มียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนแทบไม่พอขาย
นอกจากนี้ลุงยังใช้ที่ดินทุกตารางนิ้ว ปลูกทุกอย่างที่กินและกินทุกอย่างที่ปลูกอีกกว่า 30 ชนิด เช่น ไผ่กิมซุง มะม่วงหิมพานต์ ผักหวาน มะนาว มะพร้าว มะละกอ และเลี้ยงปลาในลำห้วย ซึ่งในอนาคตจะใช้เป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้สำหรับเกษตรกรที่สนใจ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามากินและเก็บเสาวรสสดจากสวน โดยพร้อมแบ่งปันความรู้ในการปลูกเสาวรสอย่างง่ายให้กับเกษตรกรเพื่อนำไปเป็นรายได้เสริมโดยสามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 086-9416910
ด้าน
ร.ต.อ.จำรูญ ทองขำดี รองสารวัตรสืบสวนตำรวจภูธร จ.ตรัง กล่าวว่า พื้นที่ 2 ไร่ครึ่งปลูก 8 เดือนเก็บขายได้กิโลกรัมละ 40-50 บาท เหตุผลคืออยากดูแลสุขภาพและศรัทธาในแนวเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ตนมีความสุข ได้สุขภาพได้ออกกำลังกายและปลอดภัยจากสารเคมี

ขอบคุณที่มาจาก : https://news.mthai.com/economy-news/661824.html

วิธีเพาะเชื้อเห็ดปลวก หรือเห็ดโคน เพาะเองได้ง่ายๆ เพาะกินได้ เพาะขายก็รวย!





สวัสดีคุณเกษตรกรทุกท่าน หลายคนอาจกำลังอาหารอะไรทำว่างๆ แล้วได้เงิน วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ทุกท่านไปรู้จักกับวิธีการ“เพาะเห็ดปลวก” บอกเลยว่าทำง่ายมากใครๆ ก็สามารถทำได้แถมยังเอาไปขายได้กำไรงามอีกต่างหาก
โดยธรรมชาติแล้วเห็ตปลวกที่เติบโตได้ดีจะต้องมีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะ โดยวันนี้เอาเราจะพาเพื่อนๆ ไปทำที่ละขั้นตอนเลย ไม่ยากอย่างที่คิดไปชมกันเลยค่ะ
วิธีเพาะเห็ดปลวก หรือเห็ดโคน
“เห็ดปลวก”  เป็นเห็ดโคนที่เติบโตได้ดีในสภาพธรรมชาติ ความชื้นและอุณหภูมิที่พอเหมาะ เนื่องจากจอมปลวกเป็นแหล่งที่มีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม
เมื่อฝนตกทำให้ปลวกทำการอพยพออกจากรังเดิม ก็จะปรากฎตุ่มดอกเห็ดเล็กๆ ทำให้เห็ดที่โตจากจอมปลวกนั้น เป็นดอกเห็ดที่มีคุณภาพ ความชุ่มชื้นสูง
โดยปกติแล้ว เห็นโคน ค่อนข้างหายาก และออกผลผลิตให้ทานปีละครั้ง ทำให้มีราคาแพง มีรสชาติหวานอร่อยกว่าเห็ดอื่นๆ ปรุงง่ายเพียงต้มกับเกลือก็ได้น้ำต้มเห็ดรสหวานตามธรรมชาติ นอกจากนำไปต้มกับน้ำเกลือแล้วเราอาจนำเห็ดโคนไปประกอบอาหารที่หลากหลาย

เตรียมส่วนประกอบ ดังนี้
1. ข้าวเจ้าหุงสุกแล้ว 1 กก.
2. จาวปลวก (รังปลวก) เท่ากำปั้น 1 จาว
3. น้ำ 20 ลิตร
วิธีทำ
1. ผสมข้าวสุกกับจาวปลวกคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วหมักใส่น้ำเปล่า 20 ลิตร ทิ้งไว้ในที่ร่มประมาณ 7-10 วัน
2. เมื่อครบกำหนดตามขั้นตอนแรกแล้ว จะปรากฎเห็นผิวน้ำที่หมักเป็นลักษณะขึ้นฝ้าสีขาว ให้นำไปราดลงตรงจอมปลวกหรือใกล้ๆ จอมปลวก (ใส่บัวรดเลยครับ) คุมด้วยฟางหรือเศษหญ้าแห้ง รดน้ำให้ชุ่มเสมอ ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 วัน เห็ดจะเริ่มโผล่ออกมาให้เก็บ

ตลอดปี ยิ่งรดโดนตัวปลวกเลยยิ่งดีเพราะตัวปลวกจะนำเชื้อเข้าสู่รังและกระจายเชื้อในรังทั้งจอมปลวกออกตลอดทั้งปีถ้ารดน้ำให้ความชื้น
นิดหนึ่งครับ ขั้นตอนทั้งหมด สิ่งสำคัญมี 3 อย่างครับ เป็นขั้นตอนการเตรียมหัวเชื้อ
1. จาวปลวก (รังปลวกใหญ่)
2. ข้าวจ้าวหุงสุก
3. น้ำสะอาดที่ไม่
มีสารคลอรีน (คลอรีนจะเป็นตัวทำลายเชื่อที่เราเพาะเลี้ยง) ถ้าจะเอาน้ำประปาทำต้องเปิดน้ำทิ้งไว้ในถัง 18-20 ชั่วโมง เพื่อให้สารคลอรีนใน น้ำประปาละเหย ออกก่อนครับ

การเพราะเห็ดโคนหรือเห็ดปลวก ในรูปแปลงเพราะหรือแปลงปลูก ยังไม่สามารถเพราะได้ แต่สูตรนี้เป็น สูตรการทำน้ำหมักอีกหนึ่งสูตรจากจาวปลวก(รังปลวก)แล้วเจ้าของสูตร ได้ทดลองเอาน้ำหมักที่ได้ ลองไปรดที่จอมปลวก(โพนปลวก)แล้วเอาหญ้าแห้งปกทิ้งไว้
เวลาผ่านไป 7-14 วัน ได้ไปเปิดฟาง(หญ้าแห้ง) ออกเจอเห็ดปลวกเกิดขึ้นมา
ประโยชน์และสรรพคุณของเห็ดโคน
– ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงมีพละกำลัง
– ช่วยทำให้ร่างกายเจริญอาหาร
– แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนศีรษะ
– ช่วยให้เสมหะเหนียวๆ ที่ติดอยู่ในลำคอละลายออกมาได้
– ช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
– ช่วยยับยั้งเชื้อโรคอย่างไทฟอยด์ หรือไข้รากสาดน้อย ซึ่งเป็นแบคทีเรียร้ายไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
– ทำให้ระบบการทำงานของกระเพาะอาหารสามารถย่อยได้ดี
ซึ่งจะเห็นได้ว่าเห็ดโคนนี้มีคุณค่ามากมายเลยทีเดียว และที่สำคัญสำหรับรสชาตินั้นยังจัดว่าหวานและอร่อยมากกว่าเห็ดชนิดอื่นๆ อีกด้วย
แต่สามารถหารับประทานกันได้เพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้นในช่วงฤดูฝน และด้วยความที่ป่าธรรมชาติที่ค่อยๆ ลดลงไปในปัจจุบัน ทำให้เห็ดโคนเริ่มกลายเป็นของหายากและมีราคาแพง
ขอบคุณที่มา : www.item2day.com/วิธีเพาะเชื้อเห็ดปลวก-ห.html

'ผักหวานป่า' พืชผักสวนครัว หากินง่าย สร้างรายได้ดี



พื้นที่ไร่ครึ่งปลูกพืช 10 ชนิด สร้างรายได้เดือนละครึ่งแสน ทำยังไงต้องดู...
SME ชี้ช่องรวย (smechannel)
สนับสนุนเนื้อหา
พื้นที่ไร่ครึ่งของเกษตรกรใน จ.นครปฐม สร้างรายได้เฉลี่ยเดือนละครึ่งแสน จากการทำเกษตรประณีต ใช้เคมีน้อย โดยปลูกพืช 10 ชนิดเต็มพื้นที่เป็นชั้นๆ สลับเก็บผลผลิตหมุนเวียนขาย มีรายได้รายวัน-รายเดือนตลอดปี
ต้นสักทอง 700 ต้นปลูกเป็นแนวให้ต้นพลูได้เกาะเกี่ยว เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และสูงตามต้นสัก ให้ผลผลิตมากกว่าการปลูกต้นพลูเกาะต้นทองหลางแบบเดิม เกษตรกรชัยยาบอกว่า ต้นทองหลางขึ้นรกและไม่ให้ประโยชน์ ส่วนต้นสักใบใหญ่ให้ร่มเงาดี ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้านล่างยังสามารถปลูกส้มโอ มะนาว และใบชะพลูได้เต็มพื้นที่ไร่ครึ่ง รดน้ำให้ปุ๋ยครั้งเดียวก็ถึงพืชทุกชนิด และได้ผลผลิตหมุนเวียนขาย โดยชะพลูเก็บขายได้ทุกวัน วันละ 30-40 กิโลกรัม ส่วนใบพลูให้รายได้ทุกเดือน
ร่องสวนปลูกเตยหอม รอบบ้านปลูกผักสวนครัว เช่น พริก กะเพรา โหระพา แมงลัก สะระแหน่ ทั้งหมดใช้ปุ๋ยชีวภาพและสารสกัดธรรมชาติไล่แมลง เก็บขายได้ทุกวัน ส่งให้แม่ค้าในหมู่บ้านไปจำหน่ายในตัวเมืองนครปฐม รวมปลูกพืช 10 ชนิด ให้รายได้เฉลี่ยเดือนละ 50,000-60,000 บาท
กำนันตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี ยกสวนนี้เป็นตัวอย่างการทำเกษตรประณีตแบบธรรมชาติ ใช้สารเคมีน้อย ปลูกพืชหลากหลายชนิดในแปลงเดียวกัน ซึ่งช่วยลดต้นทุน ใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มที่ และสร้างรายได้ต่อเนื่อง เหมาะกับตำบลแหลมบัว ซึ่งเป็นพื้นที่ดินดำน้ำชุ่ม หากเกษตรกรทุกรายยึดแนวทางจะไม่เป็นหนี้ และไม่จำเป็นต้องขายที่ทำกิน
ประชากร 70 เปอร์เซ็นต์ของตำบลแหลมบัว เป็นเกษตรกร ขณะนี้เกินครึ่งหันมาใช้สารชีวภาพมากขึ้น จากเดิมใช้สารเคมีเพียงอย่างเดียว แต่ละรายมีพื้นที่เฉลี่ย 5 ไร่ และกำลังเดินไปสู่เกษตรผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตเกษตรยั่งยืน อาหารปลอดภัยอีกแห่งหนึ่ง.

ขอบคุณที่มา : https://www.sanook.com/money/276925/

เกษตรกรพะเยา ปลูก ‘หอมจีน’ จำหน่ายสร้างรายได้งาม






เกษตรกรในจังหวัดพะเยาปลูก ‘หอมจีน’ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการปลูกเพียง 45 วัน สามารถจำหน่ายได้ไร่ละ 4-5 หมื่นบาท
วันที่ 16 พ.ค.61 เกษตรกรในพื้นที่ตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ทำการปลูกหอมจีนเพื่อจำหน่ายต้นหอม ให้กับลูกค้าและเป็นที่ต้องการของตลาดรวมถึงยังมีราคาที่ดีอีกด้วย โดยนางรุ่ง ภูมิภาค เกษตรกรในพื้นที่ตำบลแม่นาเรือ ระบุว่า ตนเองปลูกหอมจีน หรือทั่วไปเรียกว่าหอมแบ่ง จำนวนประมาณ 9 ไร่
ซึ่งจะจำหน่ายเป็นต้นหอมให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางมารับซื้อถึงในสวน โดยจะใช้ระยะเวลาการปลูกประมาณ 45 วัน  จากนั้นก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเดินทางเข้ามารับซื้อ โดยจะรับซื้อในราคาที่เหมากันเป็นไร่ ไร่ละประมาณ 4-5 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ดี ตนเองได้ทำการปลูกหอมจีนมาเป็นระยะเวลาหลายปี ในแต่ละปีก็จะมีพ่อค้าเดินทางมารับซื้อต้นหอมที่นี่อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ นายกฤษฎาพงษ์ นนท์ศรี ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลแม่นาเรือ ระบุว่า ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลแม่นาเรือ ได้ทำการปลูกหอมจีนหรือหอมแบ่งดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาหลายปี โดยมีเกษตรกรจำนวนประมาณ 200 ราย พื้นที่ปลูกประมาณ 500 ไร่
ในแต่ละปีจะสามารถจำหน่ายได้โดยพ่อค้าจะมารับซื้อโดยการเหมาเป็นไร่ อยู่ที่ประมาณ 4-50,000 บาท บางปีก็มีราคาสูงถึง 7 หมื่นบาทต่อไร่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในตำบลเป็นอย่างมาก
ด้านนางอุษา ครุฑผาสุก แม่ค้าจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่เดินทางมารับซื้อต้นหอมดังกล่าว ระบุว่า ตนเองจะเดินทางมารับซื้อต้นหอมที่ในพื้นที่ตรงนี้เป็นประจำ เพื่อนำไปส่งต่ออีกทีหนึ่ง โดยในช่วงนี้ถือว่า ราคาต้นหอมที่นี่เริ่มขยับตัวสูงขึ้น แต่ในพื้นที่อื่นยังราคาต่ำอยู่
เนื่องจากคุณภาพของต้นหอมที่นี่จะสามารถเก็บได้นาน และมีคุณภาพซึ่งน่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่ดี โดยขณะนี้จะรับซื้อในราคาเริ่มต้นที่ 35,000 -40,000 บาทต่อไร่ และคาดว่าราคาจะขยับตัวสูงขึ้นเนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าเดินทางเข้าซื้อกันเป็นจำนวนมาก




ที่มา : https://news.mthai.com/economy-news/642113.html